top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนn11176999

All of Us Are Dead มัธยมซอมบี้


All of Us Are Dead มัธยมซอมบี้ ก็ตรงกับชื่อ เป็นเกิดเรื่องราวของผู้เรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาปลาย ที่จำเป็นต้องหนีจากสหายที่แปลงเป็นซอมบี้ภายหลังมีนักเรียนผู้ติดเชื้อโรคผู้ที่หนึ่งโดนหนูในห้องวิทยาศาสตร์กัดทำให้มีการกระจายเชื้อในสถานที่เรียนไปจนกระทั่งนอกสถานศึกษา ทำให้คนที่หลงเหลืออยู่ต้องหาทางเอาชีวิตรอดเมื่อไม่มีโทรศัพท์ หรือแม้กระทั้งของกิน และก็คนแก่ไม่สามารถที่จะเป็นที่พึ่งพิงของพวกเขาได้เลย รวมทั้งผู้ชมก็จะต้องรอลุ้นว่าพวกเขาจะผ่านปัญหาพวกนี้ไปได้ยังไง

เมื่อซีรีส์ออกฉากมีหลายเสียงใน social media ที่ได้เอ๋ยถึงการที่ส่วนประกอบบางสิ่งบางอย่างในซีรีส์เชิญชวนระลึกถึงสถานะการณ์เรื่องโศกเศร้าเรือเซวอล รวมทั้งเมื่อพวกเราคิดกลับไปแล้วก็อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพสะท้อนนั้นแน่ชัดขึ้นในเรื่องราวรวมทั้งนักแสดง อย่างคุณครู รวมทั้ง คนแก่ที่ละเลยเยาวชนเพื่อประโยชน์ส่วนตน ไปจนกระทั่งริบบิ้นที่ใช้ไว้อาลัย ซึ่งบางทีอาจจะกำลังสะท้อนให้มีความคิดเห็นว่าทั้งคู่เรื่องเศร้าเกิดจากเรื่องเดียวกันเป็น All of Us Are Dead มัธยมซอมบี้

● ผลตอบแทนและก็ความเห็นแก่ได้ที่มาก่อนชีวิตเยาวชน การเลือกให้จุดเริ่มของเรื่องที่ทุกคนในเมืองเปลี่ยนเป็นซอมบี้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเรื่องที่ดูเหมือนจะเล็กๆที่คนที่อยู่ในอำนาจละเลย ซุกไว้ใต้ประพรมเพื่อไว้หน้าแล้วก็ตำแหน่งของตนเอง คล้ายกับเรื่องราวเรือเซวอลล่มตรงที่มันเร่ิมต้นมาจากความเพิกเฉยด้วยเหมือนกัน เร่ิมมาตั้งแต่การผ่านเอกสารสิทธิ์ทั้งๆที่เรือได้ถูกเอามาปรับเปลี่ยนอย่างไม่ถูกกฏหมาย เพื่อสามารถขนส่งผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น และเรือมิได้รับการตรวจตราความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดอีกด้วย ความเพิกเฉยที่เป็นสาเหตุของเรื่องเศร้าเรือเซวอลก็ดังที่ตอนอาจารย์วิทยศาสตร์พากเพียรเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกของตนเองที่โดนรังแก กลับโดนเมินหน้า หลายๆคนคิดว่ามันเกิดเรื่องน้อย แม้กระนั้นเรื่องที่ถูกเห็นว่าคือปัญหาบางส่วนกลับมีผลพรั่งพร้อม

ผู้แสดงอาจารย์ใหญ่ที่ห้ามไม่ให้แจ้งบุคคลภายนอกตั้งแต่เหตุเริ่มรวมทั้งให้ผู้เรียนกลับไปอยู่ด้านในห้องเรียน ซ้ำภายหลังที่เรื่องแย่ลงกว่าเดิมเกินควบคุม เขายังสั่งให้ผู้เรียนเสี่ยงไปเอารถยนต์เพื่อเขาหนี ก็เชิญชวนให้รำลึกถึงเหตุในเรือเซวอลที่ทั้งๆที่มีตอนที่จะอพยบผู้โดยสารออกมาได้แต่ว่ากัปตันเรือก็มิได้สั่งให้อพยบ จนถึงมีนักเรียนเยอะแยะที่คอยคำบัญชาจำเป็นต้องเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าใจ และก็ถึงแม้ว่าจะมีการกล่าวถึงว่าระบบกระจายเสียงเสีย แต่ว่าการที่กัปตันและก็ลูกเรือหนีเอาชีวิตรอดออกมาก่อนเป็นกรุ๊ปแรก โดยไม่เตือนแม้กระทั้งเด็กนักเรียนที่อยู่ข้างบนและก็เพื่อนผู้ร่วมการทำงานที่อยู่ในห้องซึ่งพวกเขาจะต้องเดินผ่านก่อนหนีออกมาจากเรือ ก็สะท้อนให้มองเห็นการทิ้งหน้าที่ความเห็นแก่ได้ถึงจุดสุดยอดของหัวหน้าที่เป็นสาระสำคัญที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมาถึงจุดนี้ เหมือนกับในซีรีส์

● อาจารย์ผู้สละตน แม้กระนั้นในกลุ่มคนแก่ที่เห็นแก่ตัวก็ยังมีอาจารย์ที่สละตน ในเรือเซวอลมีอาจารย์หลายๆคนที่ทำหน้าหนจนถึงวินาทีในที่สุดจนกระทั่งร่างของพวกเขาจมหายไปโดยใครหลายๆคนไม่ได้หวนกลับจากสมุทรกระทั่งเดี๋ยวนี้ เหมือนกับอาจารย์พัคในเรื่องที่สละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียน

● ความช้าของทางการแล้วก็การเลิกเยาวชน ในซีรีส์เหล่าผู้เรียนได้พากเพียรติดต่อวิงวอนทุกทาง แต่ว่าก็ไม่มีผู้ใดตอบรับ หรือมีบ่อยมากที่มีคนเข้ามาช่วยเหลือแม้กระนั้นท้ายที่สุดก็ตกลงใจทิ้งพวกเขาด้วยเหตุผลต่างๆบางทีก็อาจจะกำลังสะท้อนความชักช้าของทางการที่ทำให้มีผู้ตายเยอะมากๆกว่าคราวควรจะของเหตุบนเรือเซวอล ได้แก่การที่หน่วยยามริมตลิ่งมิได้พร้อมให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลโดยทันที จนถึงผ่านโกลเด้นไทม์หรือตอนโอกาสทองที่ผู้ประสพภัยจะมีสิทธิ์มีชีวิตรอดสูงที่สุดไป หรือการที่ยามริมฝั่งเลือกช่วยแต่ว่าเด็กนักเรียนที่กระโจนลงมาในน้ำจนถึงมีเสียงวิบรรยายวิภาควิจารณ์จากทั้งยังพลเมืองแล้วก็คนรอดชีวิตถึงการช่วยเหลือเกื้อกูลที่ชักช้าและก็ทำไม่เต็มกำลัง

ทำให้มีผู้คนจำนวนมากที่เชื่อคำบัญชาแรกให้คอยความช่วยเหลือเกื้อกูลจมไปพร้อมเรือ เป็นต้นว่า คนรอดตายด้วยการกู้ยืมภัยทางเฮลิคอปเตอร์ ที่ออกมากล่าวว่าแม้มีเพียงแค่สักคนหย่อนยานเชือกไปให้เด็กที่ติดอยู่ในเรือเกาะไต่ออกมาน่าจะมีผู้มีชีวิตรอดมากยิ่งกว่านี้ ก็เชื้อเชิญในรำลึกถึงฉากที่มีเฮลิคอปเตอร์เข้ามาถึงสถานศึกษา แต่ทิ้งกรุ๊ปผู้เรียนไว้ด้วยเหตุว่ากลัวการได้รับเชื้อ เรื่องราวในเรื่องมีคนตายเป็นเด็กนักเรียนมาก เหมือนกับสถานะการณ์เรื่องเศร้ารือเซวอลมีผู้ตาย 250 จาก 304 คน ที่เป็นเด็กนักเรียนมัธยม

● เนื้อความในที่สุด และก็ริบบิ้นไว้อาลัยสีเหลือง วิดีโอที่เด็กนักเรียนอัดกันและก็ริบบิ้นสีเหลืองที่ผูกไว้เพื่อไว้อาลัยในเรื่อง ก็เชิญให้รำลึกถึงเรื่องราวจริงที่เด็กนักเรียนอัดเนื้อความท้ายที่สุดไว้ก่อนที่จะเสียชีวิตในเรือ แล้วก็ริบบิ้นสีเหลืองที่ผูกไว้ข้างรั้วเพื่อคิดถึงคนที่หายและก็จากไปจากเรื่องก็พาให้ระลึกถึงริบบิ้นเหลือที่ถูกผูกไว้ที่รั้วใกล้เรียนมัธยมดาวอนซึ่งเป็นสถานศึกษาของเด็กๆในเรื่องราวเรือเซวอล ริบบิ้นเหลืองนี้เป็นสัญญลักษณ์ของความมุ่งหวังว่าจะมีคนรอดตาย แม้กระนั้นความเศร้าใจเปลี่ยนเป็นความแค้น รวมทั้งในวันหลังริบบิ้นเหลืองก็ได้เปลี่ยนเป็นสัญญลักษณ์ที่ใช้สำหรับในการต้านทานผู้นำพัคกึนฮเยคราวมีอำนาจอยู่ตอนนั้น และก็ทำให้คุณโดนเปิดเผย ปลดจากตำแหน่ง และก็ถูกฟ้องร้องสุดท้าย

● ผลพวงข้างหลังเรื่องเศร้าและก็โลกที่มิได้แปรไป ในเรื่องเรื่องราวเบาๆคลี่คลายไปโดยที่ต้นสายปลายเหตุมิได้ถูกสืบสวนให้ดีแล้วก็เด่นชัด เหมือนกันกับเรื่องเศร้าเรือเซวอล ที่แม้ว่าจะมีการเผยถึงปัจจัยเล็กน้อย และก็มีคนที่เกี่ยวโยงถูกลงโทษ แม้กระนั้นเสมือนจะมิได้มีอะไรเปลี่ยนไปๆมาๆกนัก บทความจาก New York Times เผยออกมาว่าข้างหลังเหตุมีการตรวจทานรวมทั้งบทกำหนดโทษที่เอาจริงเอาจังขึ้น ในการทุจริตน้ำหนักคลังที่เอาไว้สำหรับเก็บสินค้าบนเรือ แม้กระนั้นการพิจารณาโดยข้าราชการ แล้วก็ความเคลื่อนไหวหลายชนิดที่ถูกไม่ยอมรับด้วยปัญหาเรื่องค่าครองชีพ ทำให้ยังมีของแหว่งสำหรับในการโกง รวมทั้งมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดเรื่องโศกเศร้าซ้ำอยู่ นอกนั้นยังไม่มีข้อบัญญัติโทษสำหรับหน่วยงานด้านช่วยเหลือสถานที่ทำงานชักช้าจนกระทั่งมีคนเสียชีวิต เหมือนกันกับในซีรีส์ที่ข่าวสารออกมาพูดว่ายังไม่สามารถที่จะสืบเสาะหาตัวการของเชื้อโรคได้ในขณะที่ต้นเหตุที่จริงจริงแล้วแหล่งกำเนิดนั้นอยู่ที่ความอ่อนแอของกฏหมายรวมทั้งผู้บังคับใช้อำนาจจนกระทั่งเยาวชนจำต้องมารับกรรม

‘คนไหนกันเป็นคนสร้างโลกอย่างนี้ล่ะ หากเพิกเฉยกับการใช้ความร้ายแรงบางส่วนท้ายที่สุดโลกก็จะถูกความร้ายแรงครอบครอง ผมเตือนเป็นร้อยคราวแล้ว แต่ว่าไม่มีผู้ใดฟังเลย’

นอกเหนือจากการเสียดสีสังคม All of Us Are Dead ยังสะท้อนปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสถานที่เรียนที่ทำให้ชีวิต การเป็นเด็กประเทศเกาหลีทรหดไม่แพ้ในหนังซอมบี้ อย่างเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นกับการเหยียดหยามชนชั้น ปัญหาท้องในวัยศึกษา แรงกดดันสำหรับในการสร้างอนาคตและก็เข้ามหาวิทยาลัย แต่ว่าหัวข้อที่เด่นที่สุดแน่ๆว่าจะต้องเป็นการการบูลลี่ที่เป็นกระแสในประเทศเกาหลีตั้งแต่ครั้งข่าวสารเรื่องนักวอลเลย์ฝาแฝดหญิงใช้กำลังในสถานศึกษา และก็ยังคงเป็นหัวข้อที่ผุดขึ้นมาเรื่อยโดยตลอดด้วยกระแสแบนศิลปินเนื่องจากประเด็นการใช้กำลังในอดีตกาล จนกระทั่งปัจจุบันที่มีนักวอลลเลย์บอลชาย ‘คิมอินฮยอก’ ฆ่าตัวตายเพราะเหตุว่าเสียงวิบรรยายวิภาควิจารณ์ในเน็ต

ปัญหานี้ถูกพรีเซนเทชั่นตั้งแต่ต้นเรื่อง ผ่านทางนักแสดง ‘จินซู’ ลูกของอาจารย์วิทยาศาสตร์โดนรังแกอีกทั้งทางร่างกายแล้วก็จิตใจ ซ้ำยังถูกซ้ำเติมด้วยการเฉยชาจากคนแก่แล้วก็ผู้มีอิทธิพล เพราะว่าอยากได้คุ้มครองปกป้องผลตอบแทนของตนเอง เมื่อพึ่งคนใดกันแน่มิได้บิดาของเขาที่เป็นอาจารย์วิทยศาสตร์อัจริยะก็เลยสร้างสรรค์รวมทั้งทดสอบฉีดยาเพิ่มความอาจหาญกับลูกตนเอง เพื่อลูกคิดจะสู้แทนที่จะคิดหนีด้วยการฆ่าตัวตาย จนถึงลูกชายเปลี่ยนเป็นซอมบี้ การที่สารเริ่มของซอมบี้ที่เป็นฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่กำลังพุ่งด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสูงสุด บางครั้งอาจจะเป็นสัญญลักษณ์ที่สะท้อนให้มีความคิดเห็นว่าการที่เด็กคนหนึ่งเปลี่ยนเป็นซอมบี้ที่กัดรับประทาน รังควานคนอื่นๆไม่เลือกหน้า เป็นเนื่องจากว่าความหวาดกลัวและก็การสู้ทนเพื่อจะเอาชีวิตรอดเพียงเท่านั้น รวมทั้งสิ่งที่จินซูและก็ผู้เรียนอีกคนจำนวนไม่น้อยในเรื่องจำต้องพบเจอก็ไม่ได้มีความแตกต่างกับผู้เรียนเยอะๆในประเทศเกาหลีใต้

บทความจาก Korea Herald เมื่อปี 2019 เผยออกมาว่าสถิติการใช้ความร้ายแรงในสถานศึกษานั้นสูงมากขึ้นเรื่อยจากปีกลายๆโดยในปี 2019 มีนักเรียก 1.6% (ราวๆ 60,000 คน) จากผู้เรียน 3.72 ล้านผู้ที่ตอบแบบสำรวจ ที่กล่าวว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของการใช้ความร้ายแรงในสถานศึกษา จำนวนมากเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนในวัยประถมศึกษา โดยผู้ใช้ความร้ายแรงเป็นเพื่อนร่วมห้อง (48.7%) ตามมาด้วย เพื่อนร่วมห้องแต่ว่าต่างห้อง (30.1%) และก็สถานที่เกินเหตุชั้น 1 และก็ 2 เป็นห้องเรียนแล้วก็ฟุตบาท แม้กระนั้นสำหรับผู้เรียนมัธยม ชั้นสามจะอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ตในต้นแบบ cyberbullying ส่วนผู้กระทำลั่นแกล้งที่เป็นที่เผชิญได้มากที่สุด เป็นการฝ่าฝืนทางคำพูด (verbal abuse) รุมแกล้ง (group bullying) แกล้งทางอินเทอร์เน็ต (cyberbullying) สะกดรอยตาม (stalking) ปองร้าย (physical abuse)

นอกเหนือจากนี้ยังมีอันอื่นที่รองลงมาอย่าง การขู่เข็นกันโชก บังคับให้ทำธุระให้ รวมทั้งการก่ออาชญากรรมทางเพศอีกด้วย ถึงแม้ว่าการรุมแกล้งจะมาเป็นเบอร์สอง แม้กระนั้นเป็นการแกล้งที่มีสถิติเติบโตเยอะที่สุด โดยมีมากขึ้นเรื่อยๆจากปีกลายถึง 6% ซึ่งเกิดเรื่องน่าวิตกกังวลเหตุเพราะการรุมแกล้งบางทีอาจก่อให้เกิดผู้กระทำลั่นแกล้งต้นแบบอื่นๆรวมกัน เพราะว่า 41.4% ของผู้เรียนที่เคยโดนรุมแกล้งบอกว่าพวกเขาเคยโดยล่วงละเมิดทางคำพูด รวมทั้ง 14.7% ยังโดนแกล้งทางออนไลน์อีกด้วย

‘มันก็ราวกับที่ใครๆเอ่ยถึงผู้เรียนว่าไม่ใช่อีกทั้งคนแก่และก็เด็ก ฉันเองก็แบบเดียวกัน ฉันไม่ใช่อีกทั้งมนุษย์ แล้วก็ตัวประหลาด’

ซอมบี้ในเรื่องก็เลยบางทีก็อาจจะเป็นผู้แทนของวัยตรงกลาง ทางแยกของชีวิตที่จะระบุชะตาว่าพวกเขาจะรอดไหมขึ้นกับตัวพวกเขาเอง และก็ถ้าเกิดมีคนแก่ที่ดีรอช่วยเหลือเสนอแนะ ปกป้องรักษาพวกเขาดังที่บิดาของอนโจปกป้องรักษาบุตรสาว พวกเขาก็บางทีอาจจะผ่านขณะนี้ไปได้

‘บางประเทศจะรู้สึกเสียใจมากกว่าในเวลาที่คนแก่ตาย บางประเทศจะสลดมากกว่าในขณะที่เด็กตาย มีความรู้สึกว่าประเทศเกาหลีเป็นประเทศแบบไหนหรอ’ ‘การที่เด็กตายแสดงว่าความปรารถนาหายไป ส่วนการที่คนแก่ตายแสดงว่าวิชาความรู้หายไป ความคาดหวังกับวิชาความรู้พวกเราให้ท่านค่าอะไรมากยิ่งกว่ากัน’

บทพูดระหว่างสองผู้แสดงในเรื่องและก็การที่ตอนสุดท้าย จบท้ายด้วยนักแสดงที่เป็น ‘เสี้ยวบี้’ หรือลูกครึ่งคนกับซอมบี้ ก็เลยเป็นการเน้นให้มองเห็นจุดสำคัญของการดูแลหัวใจของเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ เนื่องจากพวกเขาจะเติบโตแปลงร่างเป็นอสุรกายหรือเปล่านั้น ขึ้นกับคนแก่และก็สังคมที่ล้อมเขาไว้นั่นเอง nung4free

ดู 1 ครั้ง0 ความคิดเห็น
โพสต์: Blog2_Post
bottom of page